นมผึ้ง คืออะไร มีประโยชน์ต่อสุขภาพและผิวพรรณอย่างไร ?

นมผึ้ง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “นมน้ำผึ้ง” (Royal Jelly) เป็นสารธรรมชาติที่ได้จากรังผึ้ง มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกาย นอกเหนือจากการช่วยบำรุงผิวพรรณแล้ว นมผึ้งยังมีสรรพคุณมากมายไม่ว่าจะเป็น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีสูง มีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้ดี ส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง

ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด มีคุณสมบัติช่วยชะลอวัยและต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ หากสนใจจะลองรับประทานสามารถหาซื้อได้ทั้งในรูปแบบเม็ดเคี้ยว แคปซูล หรือผสมในอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย

นมผึ้ง (Royal jelly) คืออะไร ?

นมผึ้งหรือรอยัลเจลลี เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ผลิตจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน มีลักษณะเป็นครีมสีขาวนวล มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ประกอบด้วยสารอาหารที่สำคัญ เช่น โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน รวมถึงสารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ ในส่วนของรอยัลเจลลีนี้ถือเป็นอาหารหลักของผึ้งนางพญาและตัวอ่อน ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต

นอกจากนี้ยังพบสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น สารสื่อประสาทอะเซทิลโคลีน และฮอร์โมนเพศ ซึ่งอาจมีบทบาทในการทำงานของระบบประสาทและฮอร์โมน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายประการ อาทิ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย บรรเทาอาการของผู้สูงอายุ รวมถึงอาจมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย จึงได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง และหากคุณจะขายควรตั้งชื่อร้านเรียกทรัพย์เพื่อความปังในการขาย

สารอาหารที่มีอยู่ในนมผึ้ง

นมผึ้งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ประกอบด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ดังนี้

• น้ำ ประมาณ 50-60%
• โปรตีน 18% โดยมีโปรตีนหลักคือ Major Royal Jelly Protein (MRJP) ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้เฉพาะในนมผึ้งเท่านั้น ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นจำนวนมาก
• คาร์โบไฮเดรต 15%
• ไขมัน (Lipids) 3-6%
• เกลือแร่ 1.5%
• วิตามินซี
• กรดโฟลิก
• อะเซทิลโคลีน
• กรดอะมิโนต่าง ๆ

นอกจากนี้ ยังพบวิตามินและเกลือแร่อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น วิตามินบี 1, บี 2, บี 3, บี 5, บี 6, บี 7, บี 8 และบี 9 รวมถึงโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในพืชผักเท่านั้น สารอาหารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในนมผึ้งคือ กรดไขมัน HDA (trans-10-Hydroxy-2-decenoic acid และ 10-Hydroxydecanoic acid) ซึ่งพบได้เฉพาะในนมผึ้งเท่านั้น นมผึ้งที่มีกรดไขมันชนิดนี้ในปริมาณสูงจะถูกจัดเป็นนมผึ้งที่มีคุณภาพดี

ข้อดีของนมผึ้ง

นมผึ้งช่วยบำรุงร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีโปรตีนชนิดพิเศษและกรดอะมิโนหลากหลายชนิด ซึ่งช่วยต้านการอักเสบและปรับสมดุลการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีข้อดีดังนี้

• ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ เนื่องจากเป็นแหล่งของสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ
• บำรุงผิวพรรณ เนื่องจากมีความชื้นสูง ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ยืดหยุ่นและกระชับ ลดเลือนริ้วรอย ผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวมีความสมดุล สดใสและเปล่งปลั่ง
• ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เนื่องจากเพิ่มเซลล์สร้างเส้นใยให้แผล
• บรรเทาอาการก่อนเป็นประจำเดือน โดยช่วยลดอาการได้อย่างมีนัยสำคัญ
• บรรเทาอาการวัยหมดประจำเดือน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดของผู้หญิงวัยทอง
• ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เนื่องจากช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือด

กินนมผึ้งอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด

เรื่องปริมาณการบริโภคนมผึ้งที่เหมาะสมนั้น ยังไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยหลายชิ้นได้ใช้ปริมาณนมผึ้งในช่วง 300-6,000 มิลลิกรัมต่อวัน และพบผลดี นมผึ้งในรูปอาหารเสริมมักจำหน่ายในรูปแคปซูลหรือซอฟต์เจล ซึ่งมีปริมาณนมผึ้งประมาณ 500-3,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด

สำหรับผู้ที่ต้องการบริโภคนมผึ้ง ขนาดที่แนะนำคือ 300-500 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 แคปซูล/ซอฟต์เจลต่อวัน ควรรับประทานหลังอาหารเช้า เพื่อป้องกันการระคายเคืองในกระเพาะหากทานตอนท้องว่าง ในส่วนของผู้ที่ไม่เคยบริโภคนมผึ้งมาก่อน แนะนำให้เริ่มจากปริมาณน้อย ๆ ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาแพ้หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หากรับประทานในปริมาณมากเกินไปในครั้งแรก

ใครควรกินนมผึ้ง

นมผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีประโยชน์หลากหลาย มีคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสมดุลฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงวัยทองของสตรี ช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ส่งผลให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น ประโยชน์อีกประการหนึ่งคือ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้แลดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งมีสุขภาพดี ด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน

 ข้อควรระวังเมื่อกินนมผึ้ง

• ผู้ที่มีโรคหอบหืด ภูมิแพ้ หรือมีอาการแพ้ต่อผลิตภัณฑ์ที่มีนมผึ้งควรระมัดระวังในการบริโภคนมผึ้ง เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเสียชีวิตได้
• ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรระวังการบริโภคนมผึ้ง เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ควรระวังการบริโภคนมผึ้งด้วย
• ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไตระดับรุนแรง โรคมะเร็ง โรคตับ โรคตุ่มน้ำพอง หรือกำลังใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนบริโภคนมผึ้ง ควรระมัดระวังในการใช้นมผึ้งร่วมกับยาวาร์ฟารินหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดอื่น ๆ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

สรุป

นมผึ้งหรือรอยัลเยลลี เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ผลิตจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ของผึ้งงาน ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญ ได้แก่ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน และสารแอซิติลโคลีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทในการทำงานของร่างกาย รวมถึงการควบคุมฮอร์โมนเพศ มีสรรพคุณมากมาย เช่น บำรุงผิวพรรณให้สดใสอ่อนเยาว์ บรรเทาอาการของวัยทอง ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ อีกด้วย